ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต ชายหญิง จะแบบเกาหลีหรือไทยราคาถูกเกินอาจเสี่ยงได้

ศัลยกรรมเกาหลีหรือไทย ชายหรือหญิง ถ้าหาทำราคาถูกเกินไป อาจจะเสี่ยงเปลี่ยนชีวิตพังได้

ไม่ว่าจะศัลยกรรมใบหน้า ทำนมเสริมหนาอกหรือแม้แต่เสริมความงามหัตถการต่างๆ ถ้ามองหาแต่ราคาถูกมากจนเกินไป จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดกับร่างกายได้ เพราะการตั้งราคาศัลยกรรมความงามต้องมีราคามาตรฐานอยู่ ไม่สามารถลดราคาต่ำกว่าทุนได้เหมือนขายสินค้า เพราะนั้นคือการลดความปลอดภัยต่อร่างกายไปด้วย วันนี้เราจะมาอธิบายให้เห็นภาพว่าทำไมศัลยกรรมเสริมความงาม ถึงตั้งราคาถูกมากๆไม่ได้

ราคาศัลยกรรม

ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นนั้นต้องรู้จักวิเคราะห์ราคาก่อน ไม่ว่าจะศัลยกรรมใบหน้าหรือเสริมหน้าอก โดยทั่วไปแล้วการตั้งราคาศัลยกรรมเสริมความงามจะมีพื้นฐานการคิดราคาในส่วนต่างๆ เอามารวมกันบวกเป็นราคาที่ใช้ในการนำเสนอลูกค้าดังนี้

วัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์
ค่าจ้างบุคลากร
ค่าประสบการณ์ของแพทย์
ค่าความเสี่ยงหลังศัลยกรรม

วัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์

การทำศัลยกรรมเสริมความงามในแต่ละครั้งย่อมต้องมีต้นทุนในเรื่องวัสดุและอุปกรณ์ไม่ต่างกับการซื้อสินค้าประเภทอื่นๆที่ต้องมีต้นทุนวัสดุในการผลิต เรื่องศัลยกรรมวัสดุและอุปกรณ์โดยทั่วไปคือ อุปกรณ์ในการผ่าตัดเช่นถ้าเป็นการเสริมหน้าอก ศัลยกรรมใบหน้า เสริมจมูก เสริมคาง วัสดุหลักๆก็คือตัวซิลิโคน ราคาตามเกรดคุณภาพ ส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่นไหมเย็บแผล ถุงมือแพทย์ น้ำยาต่างๆ ยากิน ยาทา ผ่าพันแผล เข็มฉีดยา เป็นต้น คุณคิดว่ารวมๆแล้วต้นทุนจะเท่าไร ?

ค่าจ้างบุคลากร

บุคลากรในทางแพทย์ก็ไม่ต่างกับบุคลากรอาชีพอื่นๆที่ต้องมีค่าจ้างในสายอาชีพนั้น (ไม่งั้นจะเรียนมาทำไมจริงปะ) ยิ่งอาชีพเกี่ยวกับการแพทย์ย่อมมีค่าตัวที่แพงกว่าอาชีพอื่นๆ เพราะต้องมีความรับผิดชอบสูงในชีวิตผู้ป่วย การทำศัลยกรรมนั้นบุคลากรต้องเป็นผู้ที่จบมาเฉพาะทาง และมีความชำนาญในสายอาชีพ เช่นแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็ได้มาทำให้คุณ ดังนั้นคุณคิดว่าค่าตัวบุคลากรเหล่านี้รวมกันจะเท่าไร ?

ค่าประสบการณ์แพทย์

แพทย์ก็ไม่ต่างกับอาชีพอื่นๆ ที่ยิ่งมีประสบการณ์ผลงานเยอะ ค่าตัวก็จะสูงตามไปด้วย คุณหมอประสบการณ์ 10 ปี ย่อมมีค่าตัวต่างจากคุณหมอที่จบใหม่ ข้อนี่จะพ่วงไปหัวข้อข้างต้น (ค่าจ้างบุคลากร) แต่จะมีความแตกต่างอยู่ที่แพทย์ที่ทำเป็นเจ้าของคลินิกเองหรือเป็นแพทย์ที่ทางคลินิกว่าจ้างมา ถ้าหมอเป็นเจ้าของเองอาจจะมีส่วนลดลงอีกได้ แต่ยังไงหมอก็ต้องคิดค่ามืออยู่แล้วใช่ไหม (คนทำกราฟฟิคอย่าแอดมินเอง สร้างรูปภาพทำแค่ไม่กี่นาทียังคิดค่ามือ 1,500 - 3,000 บาทขึ้นไป อันนี้แพทย์ศัลยกรรมนะ) แล้วคุณคิดว่าค่ามือแพทย์จะเท่าไร ?

ค่าความเสี่ยงหลังศัลยกรรม

ต้นทุนในการทำศัลยกรรมไม่ใช่จบลงหลังทำเสร็จเลย แต่ต้องมีระยะพักฟื้นหรือการดูแลหลังการทำศัลยกรรม ร่างกายของแต่ละบุคคลจะมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะมีอาการข้างเคียง บางคนอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด บางคนเกิดอักเสบ เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น (จริงๆแล้วอาชีพอื่นก็มีบวกนะแต่มักไม่แจ้ง เช่นแอดมินเองยังบวกค่าแก้งานกราฟฟิคในอนาคต เพราะถ้าแก้บ่อยๆแล้วรับงานอื่นไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้จริงไหม) ดังนั้นทางคลินิกอาจจะต้องมีการบวกค่าความเสี่ยงตรงนี่เพิ่มตามความเหมาะสมเท่านั้น

เหตุผลข้างต้นทั้งหมดเป็นเหตุผลความเป็นจริงที่เรียกได้ว่าต้องมีอย่างแน่นอนในการศัลยกรรม เช่น "เสริมจมูก" (เสริมใหม่ซิงๆ จมูกต้องไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยเสริมมากก่อน) ถ้าสมมุติราคาอยู่ที่ 10,000 บาท คุณคิดว่า ค่าซิลิโคน (ของดี คุณคิดว่ากี่พัน?), ค่าไหมเย็บ, ยาชา ยาทา ยากิน, สำลี ผ้าปิดแผล, น้ำยาล้างอุปกรณ์ ฆ่าเชื้อ, ค่าถุงมือแพทย์, ค่ามือแพทย์, ค่าตัวพยาบาลหรือผู้ช่วยแพทย์, ค่าความเสี่ยง แต่ละอย่างต้นทุนเท่าไร แล้วถ้าคุณต้องการราคาถูกกว่านี้จะให้ไป "ลดต้นทุนลดคุณภาพ" ที่ตรงไหน แล้วคุณคิดว่าลดแล้วจะมีผลกับสุขภาพร่างกายตัวคุณหรือเปล่าละ

อีกอย่างธุรกิจทุกอย่างต้องบวกกำไร...จริงไหม ทำจมูกครั้งนึง 1-2 ชั่วโมงได้กำไรแค่ 500-1,000 บาท คิดว่าธุรกิจจะอยู่ได้ไหม แล้วถ้าเป็นคุณเองจะอยากทำธุรกิจแบบนี่ไหม เรียนมาแทบตาย ความรับผิดชอบสูงมาก นี่ยังไม่รวมต้นทุนการประกอบธุรกิจเลยเช่น ค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงานตำแหน่งอื่น (พนักงานต้อนรับ พนักทรีตเม้น พนักงานขาย บัญชี แม่บ้าน) ค่าน้ำ ค่าไฟ (แอร์เปิดทั้งวัน) ฯลฯ ถ้าลูกค้าไม่มองเข้าข้างตัวเองคิดว่าถ้าศัลยกรรมตั้งราคามาโคตรถูกแล้วคลินิกจะอยู่ได้ไหม ถึงคลินิกอยู่ได้แล้วเขาไปลดต้นทุนลดคุณภาพที่ส่วนไหน...น่าคิดไหมละ

ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตในทางที่ดีได้ถ้ารู้จักวิเคราะห์คำนวนตามความเป็นจริง ศัลยกรรมคือสุขภาพขอคุณเอง อย่างมองหาแต่ราคาถูก อยากให้มองที่คุณภาพมากกว่า ประสบการณ์แพทย์ก็ยิ่งสำคัญ ไม่ใช่ใครก็ได้ คุณต้องมั่นใจก่อนทำ ต้องไปปรึกษาแพทย์ก่อนจ่ายเงิน รู้จักแพทย์ได้เห็นแพทย์ก่อน ไม่ใช่ใครก็ได้แนะนำคุณแล้วเชื่อไปหมด แพทย์ก็ไม่ได้เจอก่อน จะได้เห็นอีกที่ตอนขึ้นเตียงผ่าตัด...แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป เชียงใหม่คลินิกไกด์เตือนแล้วนะ